Last updated: 18 ต.ค. 2566 | 4285 จำนวนผู้เข้าชม |
ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลรถยนต์มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก มีการทดลองหรือวิจัยหลากหลายรูปแบบ ทำให้ปัจจุบันมีการออกแบบน้ำยาสำหรับการดูแลรถเฉพาะส่วนมากขึ้นหรือเรียกง่ายๆ ว่ามีน้ำยาใช้เฉพาะทาง
โดยเปรียบเทียบรถยนต์ก็เหมือนร่างกายของเรา ที่มีการพัฒนาออกแบบการใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะส่วนหรือมีครีมบำรุงต่างๆ อย่างเช่นครีมบำผิวหน้า บำรุงดวงตา บำรุงผิว เป็นต้น เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นต่อร่างกายของเราในบริเวณนั้นๆ
ดังนั้นรถยนต์ของเราก็ต้องได้รับการปกป้องที่ดียิ่งขึ้นเช่นกัน เราจึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงประเภทการใช้งานและมีการปกป้องเฉพาะชิ้นส่วนที่ทางนักวิจัยพัฒนาออกมา เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นครับ ในบทความนี้ผมจึงรวบรวมวิธีการดูแลและการแก้ไขมาให้ทุกคนกันครับ
เริ่มที่การปกป้อง
อย่างแรกให้เริ่มจากการปกป้องก่อนนะครับ เพราะถือเป็นขั้นตอนสำคัญมากๆ ที่ทุกคนมักละเลยหรือลืมใส่ใจไปบ้าง นั่นคือตอนที่เราซื้อรถหรือรับรถมาใหม่ๆ ทุกครั้งหลังทำความสะอาด(ล้างรถ) เสร็จแล้ว ควรหมั่นลงน้ำยาเคลือบชิ้นส่วนพลาสติกทุกครั้ง (หลายคนมักจะเคลือบสีปกป้องตัวรถเพียงอย่างเดียว) สาเหตุที่เราต้องเคลือบชิ้นส่วนพลาสติกทุกครั้งนั้น เพื่อปกป้องจากอากาศร้อน แสงแดด แสงUV หรือแม้กระทั้งน้ำฝนที่เป็นกรด มูลนก เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้พลาสติกสีซีดเร็วขึ้น
เมื่อเราลงน้ำยาเคลือบพลาสติกไปแล้ว น้ำยาจะทำหน้าที่ซึมลงไปในเนื้อพลาสติกทำให้เนื้อพลาสติกมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งกรอบ ทำให้สีของพลาสติกเข้มขึ้น พร้อมกับสร้างชั้นฟิล์มปกป้องบนพื้นผิว ไม่ให้แสงแดดตกกระทบลงบนชั้นพลาสติกโดยตรง
ซึ่งน้ำยาเคลือบปกป้องพลาสติกในท้องตลาด
มีด้วยกันอยู่ 2 แบบ คือ
ซึ่งแว็กซ์เคลือบชิ้นส่วนพลาสติกในแต่ละแบบนั้น จะให้ผลลัพธ์ออกมาคล้ายๆกัน คือ เพิ่มความเข้มของพลาสติกและบำรุงปกป้องพื้นผิว แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือคุณสมบัติของการบำรุง การปกป้องหลังจากเคลือบไปแล้วและความคงทนต่อการใช้งาน นอกจากนี้ยังแตกต่างในเรื่องของความเงาเข้ม ความด้านอีกด้วย
ส่วนความนิยมนั้น คนดูแลรถส่วนใหญ่มักใช้เป็นแว๊กซ์สูตรเจล (WIBWUB Tire & Trim Gel) เนื่องจากสูตรเจลเป็นสูตรที่ได้รับการพัฒนาจากสูตรเนื้อครีมกับสูตรน้ำ ทำให้การเคลือบแบบเจลตอบโจทย์ต่อการใช้งานและความคงทน เช่น ให้การซึมลึกลงไปในชั้นพลาสติกที่มากกว่า พร้อมคงสภาพความชุ่มชื้นในชั้นพลาสติกได้ยาวนาน ทำให้มีความดำเข้มสวยงาม ไม่มีความเหนียวเยิ้มจนเกินไป สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลายแบบ อย่างเช่นคนชอบให้ผิวเคลือบมีสีดำด้าน ไม่เงาจนเกินไป ก็สามารถลงเคลือบสูตรเจลแล้วใช้ผ้าเช็ดเก็บน้ำยาส่วนเกินออกได้ นอกจากนี้ยังให้ความคงทน มีคุณสมบัติกันน้ำเมื่อเจอฝน และทนต่อความร้อนในประเทศไทย
แบบเคลือบคล้ายเซรามิก
การเคลือบประเภทนี้จะเป็นการเคลือบเฉพาะชิ้นส่วนพลาสติกเท่านั้น ไม่สามารถเคลือบยางได้ แต่การเคลือบลักษณะนี้จะมีความคงทนกว่าแบบแว๊กซ์พอสมควร เพราะมีการใช้เทคโนโลยีคล้ายกับการเคลือบที่สีรถหรือเคลือบแก้ว งานที่ได้หลังจากเคลือบพลาสติกไปแล้ว จะให้ความเงาเข้มดูเหมือนใหม่ มีอายุการใช้งานประมาณ 3-4 เดือน บางยี่ห้อมีคุณสมบัติกันน้ำได้ด้วย ไม่ต้องคอยลงเคลือบพลาสติกบ่อยๆ แต่ก็แรกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าแบบแว๊กซ์ จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ครับ
ในส่วนนี้ก็จะเป็นขั้นตอนการปกป้องจากปัญหาชิ้นส่วนพลาสติกซีดจางของรถเรา ให้ดูใหม่ตลอดเวลานะครับ สำหรับรถของใครที่ชิ้นส่วนพลาสติกยังไม่ซีด มีสภาพที่ดูดีอยู่นั้น ไม่ควรลืมที่จะเคลือบพลาสติกปกป้องกันไว้ด้วยนะครับ เพื่อความสวยงามของรถเราครับ
การแก้ไขเมื่อชิ้นส่วนพลาสติกมีความซีดจาง
ไม่ดำเข้มเหมือนก่อน
โดยส่วนใหญ่แล้วการแก้ไขพลาสติกซีดจางให้กลับมาดำเข้ม
มีวิธีการแก้ไขหลักๆ อยู่ 3 แบบครับ
19 ต.ค. 2566
19 ต.ค. 2566